บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชุดใหม่ 2.5 ล้านใบทั่วประเทศ เริ่มใช้ได้แล้วตั้งแต่ 1 ม.ค.62

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ จำนวน 3,042,735 ราย ผ่านทางทีมไทยนิยม ยั่งยืน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2561 จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2561 โดยผู้มีสิทธิทั้ง 77 จังหวัด ได้มารับบัตรฯ แล้วจำนวน 2,538,076 ราย คิดเป็นร้อยละ 83.41 ซึ่งผู้มีสิทธิกลุ่มนี้ จะสามารถใช้บัตรฯ ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ยังไม่มารับบัตรฯ ในช่วงวันดังกล่าวยังคงรับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ได้ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2562 แต่หากไปรับบัตรฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ คือ ตั้งแต่วันที่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 สำหรับผู้มีสิทธิในต่างจังหวัดต้องไปรับ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือผู้มีสิทธิในกรุงเทพมหานครต้องไปรับ ณ สำนักงานเขต

ไม่พลาดข่าวสาร กดแอดไลน์ ติดตามเรา

เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป ผู้มีสิทธิจะต้องเดินทางไปรับบัตรฯ ณ สำนักงานคลังจังหวัด หรือ กรุงเทพมหานคร ตามที่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันไว้ โดยผู้มีสิทธิสามารถมารับได้จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2562 หากไม่มารับภายในวันดังกล่าวจะถือว่าสละสิทธิ์ สำหรับผู้มีสิทธิที่มารับบัตรฯ หลังจากวันที่ 28 ธันวาคม 2561 จะสามารถใช้สิทธิได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วัน เนื่องจากต้องดำเนินการเปิดสิทธิของบัตร (Activate) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิแอบอ้างนำเงินในบัตรไปใช้

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของคลังจังหวัดทั่วประเทศและกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 21 – 28 ธันวาคม 2561 พบว่า จังหวัดที่มีการแจกบัตรฯ สูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดพะเยา จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดลำปาง จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดสุโขทัย คิดเป็นร้อยละ 96.72, 95.82, 95.05, 94.90, 94.12, 93.83, 93.42, 93.28, 93.15 และ 93.14 ตามลำดับ โดยกรุงเทพมหานครแจกบัตรฯ แล้วร้อยละ 73.50 ส่วนจังหวัดที่ยังมีการแจกบัตรฯ ได้น้อยที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดเลย จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดพังงา จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งกรมบัญชีกลางได้แจ้งให้คลังจังหวัดเร่งดำเนินการร่วมกับทีมไทยนิยมฯ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิรีบมารับบัตรฯ ในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะหากไปรับบัตรฯ ภายหลังวันที่กำหนดไว้ก็จะต้องเดินทางไปรับบัตรฯ ยังที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานคลังจังหวัด

จากการแจกบัตรฯ โดยทีมไทยนิยมฯ พบว่า ในหลายจังหวัดเมื่อผู้มีสิทธิมารับบัตรฯ ตามที่อยู่ปัจุบันที่ได้แจ้งไว้ตอนลงทะเบียน แต่ยังไม่สามารถรับบัตรได้ เนื่องจากเป็นข้อผิดพลาดจากขั้นตอนการบันทึกข้อมูลในระบบการลงทะเบียน มีจำนวนประมาณ 1,619 ราย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิ ทางสำนักงานคลังจังหวัดที่รับบัตรฯ มาเกินได้ประสานให้ปกครองจังหวัดและทีมไทยนิยมฯ นำบัตรดังกล่าวส่งคืนให้กับสำนักงานคลังจังหวัดในจังหวัดปลายทางที่เป็นที่อยู่ปัจจุบันที่ถูกต้องของผู้มีสิทธิ เพื่อส่งต่อให้ทีมไทยนิยมฯ แจกบัตรฯ ให้แก่ผู้มีสิทธิต่อไป

ในกรณีของผู้มีสิทธิที่ผ่านคุณสมบัติแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อในการรับบัตรฯ นั้น เนื่องจากข้อมูลที่ลงทะเบียนยังไม่สมบูรณ์ เช่น รูปภาพไม่ชัดเจน ไม่มีนามสกุล ที่อยู่ไม่ตรงกัน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแจ้งให้ผู้มีสิทธิมาดำเนินการแก้ไข ทั้งนี้ ฝากให้ผู้มีสิทธิทุกท่านเมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ขอให้รีบไปดำเนินการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องโดยเร็ว ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตตามที่อยู่ปัจจุบันที่แจ้งไว้ เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะได้ดำเนินการผลิตบัตรฯ และจะประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาการรับบัตรฯ ให้ทราบต่อไป

สำหรับผู้มีสิทธิที่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันใน 7 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม จะได้รับบัตรฯ ชนิด Contactless รุ่นใหม่ แบบ 4.0 โดยสามารถนำบัตรฯ ไปใช้บริการขนส่งสาธารณะของรถไฟฟ้าได้นั้น เนื่องจากทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยมีแผนการติดตั้งเครื่อง EDC เพื่อรองรับบัตรฯ ณ สถานีต่าง ๆ ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 32 เครื่อง และสายสีน้ำเงิน จำนวน 36 เครื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาในการเข้าไปติดตั้งเครื่องและทดสอบระบบการใช้งาน ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ผู้มีสิทธิยังไม่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 นี้ โดยอาจใช้บริการรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. แทนก่อน ในกรณีนี้หากผู้มีสิทธิไม่สามารถใช้บริการได้เต็มระยะเวลา 1 เดือน และใช้วงเงินในบัตรฯ ไม่ถึง 500 บาท ทางกรมบัญชีกลางจะยกยอดเงินคงเหลือสะสมให้ไปใช้ได้ในเดือนถัดไป ซึ่งผู้มีบัตรฯ จะไม่เสียสิทธิดังกล่าวแต่อย่างใด

อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวย้ำว่า การโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่จำกัดระยะเวลาในการใช้จ่าย และไม่มีการดึงเงินกลับในช่วงปลายเดือน ซึ่งจะแตกต่างจากกระเป๋าวงเงินที่ใช้ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเดือนละ 200/300 บาท หรือค่าเดินทาง 500 บาท โดยต้องใช้ภายในเดือน ดังนั้น ผู้มีสิทธิไม่จำเป็นต้องรีบถอนเงินทันที โดยสามารถเลือกที่จะใช้จ่ายเงินดังกล่าวในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ ร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าเอกชนอื่นที่รับชำระเงินด้วยบัตรฯ และมีสิทธิได้รับเงินชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มคืนเพื่อนำไปใช้จ่ายต่อไปได้ และขอให้ผู้ที่มีบัตรฯ อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าการถอนเงินสดออกมาจากตู้ ATM เป็นเรื่องยุ่งยาก และจะช่วยถอนเงินสดให้โดยคิดค่าบริการเป็นรายคน เพราะผู้มีสิทธิสามารถถอนเงินได้ด้วยตนเองเพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น หากพบเห็นมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสกับเรื่องนี้สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด หรือติดต่อแจ้งมาที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ไม่พลาดข่าวสาร กดแอดไลน์ ติดตามเรา

เพิ่มเพื่อน

ใส่ความเห็น