?มาตรการที่เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เดือน พ.ค.- ก.ค. คือ การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11.2 ล้านคน ได้ปรับลดทั้งส่วนเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนจากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 1 ของค่าจ้าง ส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.9 ล้านคน ปรับลดอัตราเงินสมทบจาก 432 บาทต่อเดือน ก็ลดลงเหลือ 91 บาทต่อเดือน
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 ซึ่งมีอยู่ 10.7 ล้านคน ได้มีการขยายระยะเวลาลดเงินสมทบเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่ ก.พ.-ก.ค. 2565 ซึ่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาก็ได้เผยแพร่อัตราเงินสมทบในส่วนของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้อัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนกับรัฐบาลลดลง ใน 3 ทางเลือก แยกเป็น
1)ผู้ประกันตนที่เดิมจ่ายเงินสมทบอัตรา 70 บาทต่อเดือน ลดลงเป็น 42 บาทต่อเดือน รัฐบาลลดเงินสมทบจาก 30 บาทเหลือ 21 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย
2)ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบในอัตรา 100 บาทต่อเดือน ลดลงเป็น 60 บาทต่อเดือน รัฐบาลลดเงินสมทบจากเดือนละ 50 บาท เหลือ 30 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีชราภาพ
3)ผู้ประกันตนที่อัตราเดิมจ่ายสมทบ 300 บาทต่อเดือน ลดลงเป็น 180 บาทต่อเดือน รัฐบาลลดงเงินสมทบจาก 150 บาท เหลือ 90 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร